เทือกเขาทาเทยาม่า (Tateyama) ตั้งอยู่ในภูมิภาคที่ใหญ่ที่สุดของเกาะฮอนชู ซึ่งเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดของประเทศญี่ปุ่น อยู่ตอนกลางของประเทศหรือเรียกได้ว่าเป็นภาคกลางของญี่ปุ่นนั่นเอง ในภูมิภาคนี้มีเทือกเขาที่สวยงาม ลักษณะคล้ายๆ กับเทือกเขาแอลป์ จึงได้รับการขนานนามว่า เป็น เจแปนแอลป์ (Japan Alps) นักท่องเที่ยวไม่น้อยที่อาจจะรู้จักสถานที่แห่งนี้ในนามของ เจแปนแอลป์ หรือเส้นทางธรรมชาติอัลไพน์ หรือบางท่านอาจจะเรียกชื่อยาวๆ ว่า Tateyama Kurobe Alpine (เทือกเขาทาเทยาม่า-เขื่อนคุโรเบะ) ก็ได้
Tateyama Kurobe Alpine เป็นเส้นทางที่ยาวประมาณ 90 กิโลเมตรเชื่อมโยงจังหวัด Toyoma และ Naganoไว้ด้วยกัน เป็นที่รู้จักกันในระดับสากลว่าเป็นเส้นทางเยี่ยมชมทิวทัศน์ของภูเขา ก้าวข้ามเทือกเขาทางเหนือที่สูงกว่า 3,000 เมตร โดยสามารถเลือกหนทางในการเดินทางได้หลากหลาย เช่น รถไฟท้องถิ่น กระเช้าไฟฟ้า รถประจำทางล้อยาง รถบัส เพื่อที่นักท่องเที่ยวจะได้เพลิดเพลินไปกับมุมมองที่ยอดเยี่ยมสวยงามและสีสันใบหลายสีในฤดูใบไม้ร่วง คนที่ต้องการจะมาสัมผัสธรรมชาติอันหลากหลายของที่แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเป็นนักปีนมืออาชีพ นักเดินทางมากมายที่เริ่มต้นและสิ้นสุดการเดินทางของตนที่เมือง Toyama
ความสวยงามอันลึกลับที่ทาเทยามา
แม้กระทั่งในเดือนมิถุนายน ผู้เข้าชมก็ยังสามารถเล่นหิมะได้ที่มุโรโดะ ที่ตั้งอยู่สูง 2,450 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล และเป็นจุดสูงสุดของเส้นทางอัลไพน์ แม้ว่าจะมีเรื่องภาวะโลกร้อนจะกลายเป็นประเด็นที่ทั่วโลกให้ความสนใจ แต่ที่เทือกเขาแห่งนี้มีหิมะอยู่มากมายในฤดูหนาว และเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้นที่เราจะไม่ได้เห็นหิมะที่ทาเทยามะ ซึ่งเป็นช่วงปลายเดือนสิงหาคมถึงกลางเดือนตุลาคม และนักท่องเที่ยวก็อาจจะมีโอกาสได้สัมผัสทั้งสีขาวโพลนของหิมะและใบไม้เขียวชอุ่มในเวลาเดียวกัน นอกจากนี้ ในฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งเป็นฤดูกาลท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยม สีสันหลากหลายของใบไม้และภูมิประเทศน่าอัศจรรย์จะทำให้คุณรู้สึกตื่นเต้นและตื่นตาตื่นใจเป็นที่สุด
เส้นทางท่องเที่ยว
No 1: ผจญภัยด้วยขนส่งชนิดต่างๆ
ระบบการขนส่งของที่นี่นีหลากหลายสำหรับนักเดินทางที่จะข้าม อัลไพน์รูทของญี่ปุ่น หากต้องการจะเดินทางจากทายาม่าในจังหวัดโทโยม่า ไปชินาโนะโอมาจิ ของจังหวัดนากาโน่ มีรถไฟท้องถิ่นโทยาม่า เคเบิลคาร์ รถประจำทาง และอีกมากมาย คอยให้บริการ
ถ้าเริ่มต้นเดินทางจากเมืองโทยาม่า ต้องใช้เวลาประมาณ 50 นาทีเพื่อจะไปที่สถานีทาเทยามา ซึ่งอยู่บริเวณตีนเขาของ North Alpine ที่ๆคุณจะสามารถเปลี่ยนเป็นขึ้นเคเบิ้ลคาร์เพื่อจะขึ้นเขาอีกประมาณ 500 เมตรไปที่ที่ราบบิโจไดระ จากที่นั่น จะได้เปลี่ยนไปขึ้นรสบัสและใช้เวลาเดินทางอีกประมาณ 1 ชั่วโมงจนถึงสถานีมุโรโดะ ซึ่งจะได้ชมความสวยงามของน้ำตกชมโยะ จากนั้นก็ไต่ความสูงขึ้นไปที่ทุ่งมิดากะฮาระ ซึ่งมีแอ่งน้ำเล็กๆอยู่ทั่วบริเวณ
นอกจากนั้น Tateyama Ropeway หรือเคเบิ้ลคาร์ที่พาเราออกจากสถานีไดคันโบะไปที่คุโรเบะไดระ เป็นไฮไลท์สำคัญของที่นี่ ที่จะพาเราชมความสวยงามของภูเขารอบๆจากมุมสูง ซึ่งทัศนียภาพของยอดเขาอุชิโระทาเทะยามาและทะเลสาบคุโรเบะ เป็นสถานที่แนะนำและน่าประทับใจอย่างมาก และเป็นที่แน่นอนว่าทริปเดินทางสุดพิเศษนี้จะทำให้ผู้ที่ไปเยี่ยมชมรู้สึกผ่อนคลายและตื่นเต้นไปกับการผจญภัยในดินแดนที่งดงามน่าพิศวงแห่งนี้
No. 2: ตื่นเต้นไปกับประสบการณ์หิมะในหน้าร้อน
ในช่วงต้นฤดูร้อน นักท่องเที่ยวจะเพลิดเพลินไปกับการเดินรอบๆป่า การเดินเล่นในป่าบิโจไดระ(Bijodaira) ซึ่งยังคงเป็นป่าสนบริสุทธิ์ และที่ราบสูงมิดากะฮาระ (Midagahara) ซึ่งมีทางเดินทอดข้ามบึงให้เราสามารถเดินได้ ในขณะเดียวกันที่มุโรโดะ ที่ที่ซึ่งยังคงมีหิมะตก จุดที่สูงที่สุดของอัลไพน์รูทนี้โด่งดังด้วยชื่อ Yuki-no Otani ซึ่งเป็นกำแพงหิมะขนาดมหึมา มีความสูงอยู่ที่ประมาณ 20 เมตร โดยนักท่องเที่ยวสามารถเข้ามาสัมผัสความใหญ่โตนี้ได้ในช่วงเดือนเมษายนถึงเดือนมิถุนายน ไม่ต้องแปลกใจเลยว่าสถานที่แห่งนี้เป็นหนึ่งในทัศนียภาพที่อัศจรรย์ที่สุดของโลก ซึ่งจุดสิ้นสุดของมุโรโดะไดระนั้นอยู่ที่ Murodo terminal ซึ่งตั้งอยู่ใจกลาง Northern Japan Alps
No. 3: การปล่อยน้ำสุดอลังการ
เขื่อนคุโรเบะเป็นเขื่อนขนาดใหญ่ มีความสูง 186 เมตรและยาว 492 เมตร ซึ่งจริงๆแล้วมันเป็นหนึ่งในเขื่อนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก สร้างเสร็จสมบูรณ์เมื่อปี 1963 เพื่อหวังจะให้เป็นต้นการผลิตกระแสไฟฟ้าโดยบริษัท Kansai Electric Power ปริมาณน้ำทั้งหมดที่สามารถเก็บในอ่างเก็บน้ำได้คือประมาณ 200 ล้านลูกบาศก์เมตร และเนื่องมากจากการที่เขื่อนเก็บน้ำแห่งนี้ก่อสร้างขึ้นมาบนบริเวณพื้นที่ภูเขา จึงมีคนทั้งหมดกว่า 10 ล้านคนที่เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับโปรเจคท์ยักษ์นี้
อีกหนึ่งที่ดึงดูดใจให้มาท่องเที่ยวที่เขื่อนคุโรเบะแห่งนี้คือ การปล่อยน้ำจำนวนมหาศาลจากช่วงปลายเดือนมิถุนายนไปจนถึงกลางเดือนตุลาคม มีน้ำกว่า 10 ลูกบาศก์เมตรตกลงมาอย่างไม่ขาดสายผ่านประตูคอนกรีตของเขื่อน ลงมายังแม่น้ำคุโรเบะเบื้องล่าง ก่อให้เกิดเป็นก้อนละอองน้ำสีขาว และเสียงดังก้องกังวานไปทั่วหุบเขา
นักท่องเที่ยวยังสามารถชมความสวยงามได้จากการล่องเรือ “Garve” ซึ่งจะล่องไปตามแม่น้ำคุโรเบะ ที่สร้างขึ้นโดยฝีมือมนุษย์และมีความยาวกว่า 12 กิโลเมตร การล่องเรือนี้จะทำให้เราเห็นมุมมองทัศนียภาพของเทือกเขาอัลไพน์แบบพาโนราม่า ซึ่งการล่องเรือ “Garve” นี้จะเริ่มให้บริการตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคมถึงกลางเดือนเมษายนของทุกปี อีกทั้งยังมีเส้นทางเดินป่าอยู่ทางฝั่งตะวันตกของทะเลสาบ ซึ่งเราสามารถเพลิดเพลินไปกับการเดินชมความสวยงามและอากาศอันแสนจะบริสุทธิ์ของธรรมชาติ
No. 4: วิวทิวทัศน์ธรรมชาติแบบพาโนราม่า
จุดหมายที่เป็นที่นิยมอีกแห่งหนึ่งของอัลไพน์รูทนี้คงหนีไม่พ้น มุโรโดะ ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของหุบเขา จากตรงนี้จะสามารถมองเห็นทัศนียภาพและไฟยามค่ำคืนของเมืองโทยามะ สถานีมุโรโดะเป็นสถานีที่อยู่สูงที่สุดของญี่ปุ่นสูงที่สุด ซึ่งบนนั้นยังมี ร้านอาหาร ร้านกาแฟ และโรงแรม คอยให้บริการอีกด้วย
กิจกรรมแนะนำคือการเดินไปรอบๆพื้นที่ เพราะที่นี่ยังมีเส้นทางที่ถูกรักษาไว้อย่างดีให้เด็กๆได้สามารถปีนกันได้ เส้นทางเหล่านั้นจะนำเหล่านักท่องเที่ยวไปยังจุดชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม และรวมถึงบ่อน้ำมิคุริกะอิเคะ บ่อน้ำขนาดใหญ่ที่สะอาดใสจนสะท้อนเงาของเทือกเขาทาเทยามาบนผิวน้ำ บ่อน้ำแห่งนี้มีความลึกกว่า 5 เมตร สร้างขึ้นจากการที่ภูเขาปะทุเมื่อนานมาแล้ว ทุกปีจะถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็งเป็นเวลาประมาณ 6 เดือน และแม้แต่ในช่วงหน้าร้อนเราก็ยังจะสามารถเห็นก้อนน้ำแข็งลอยอยู่ในบ่อน้ำใส
อีกหนึ่งจุดที่นักท่องเที่ยวต้องขึ้นมาสัมผัสให้ได้นั้นคือหุบเขาจิโกะคุดานิ Jigokudani Valley หุบเขาที่พ่นก๊าซและไอน้ำที่เกิดจากการเคลื่อนไหวของภูเขาไฟ จนทำให้หุบเขาแห่งนี้ถูกเรียกว่า Hell’s Valley หรือ หุบเขาแห่งนรก อีกทั้งที่นี่ยังถือว่าเป็นสถานศักดิ์สิทธิ์ ถ้าคุณโชคดี อาจจะได้พบนก Raicho หรือ Rock Ptarmigan ซึ่งเป็นนกที่เอาชีวิตรอดอยู่มาได้ตั้งแต่ยุคน้ำแข็ง และอาศัยอยู่ในเทือกเขาอัลไพน์เหนือความสูง 2,500 เมตรขึ้นไป ขนของมันจะเปลี่ยนสีไปตามฤดูกาล ซึ่งในฤดูร้อนจะเป็นสีน้ำตาล และเปลี่ยนเป็นสีขาวบริสุทธิ์ในช่วงหน้าหนาว
No. 5: สีสันราวกับริบบิ้น
ในฤดูใบไม้ร่วง ภูเขาและหุบเขามากมายจะถูกตกแต่งด้วยสีสันสดใสของสีสันของใบไม้ Kouyou ในภาษาญี่ปุ่นให้หมายความว่า “ใบไม้สีแดง” หรือ “ใบไม้สีเหลือง” หรือ แปลเป็นสำนวนได้ความว่า “กำลังเปลี่ยนสี” เป็นช่วงเวลาที่เราจะได้ชมความสวยงามหลากของใบไม้สีอย่าง สีแดง สีส้ม สีเหลือง และรอยแต้มสีทอง น่าเสียดายที่เราไม่สามารถรู้กำหนดที่แน่นอนของเวลาได้ บางครั้งก็เร็วไป และบ้างก็สายเกินไปเป็นบางครั้ง ขึ้นอยู่กับในแต่ละปี ถึงอย่างนั้นเราก็สามารถเพลิดเพลินไปกับสีสันของฤดูใบไม้ร่วงจากจากปลายเดือนกันยายนถึงตุลาคมตามบริเวณไหนก็ได้ เช่น มิดากะฮาระ ไดคัมโบะ มุโรโดะ และเชื่อนคุโรเบะ เป็นต้น
ภาพแสดงฤดูกาลต่างๆ บนเทือกเขาทาเทยาม่า พร้อมธรรมชาติรูปแบบต่างๆ ที่นักท่องเที่ยวจะได้พบเห็นในแต่ละเดือน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น