- วัดอาม่า
วัดอาม่าถูกก่อตั้งขึ้นมาก่อนที่จะมีเมืองมาเก๊าซึ่งประกอบไปด้วยประตูทางเข้า ซุ้มประตูแห่งการรำลึก หอสวดมนต์ หอแห่งความเมตตา หอเจ้าแม่กวนอิม และศาลาเซิ้งเจ้าชานลิน (ศาลาพุทธ) ที่ล้วนอุทิศให้แด่เทพศักดิ์สิทธิ์องค์ต่างๆ ในสถานที่เดียวทำให้วัดอาม่าเป็นตัวแทนของวัฒนธรรมจีนที่ได้รับแรงบันดาลใจจากลัทธิขงจื้อ ลัทธิเต๋า พุทธศาสนา และความเชื่อพื้นบ้านต่างๆ
ที่อยู่: จัตุรัสบารา- ซากประตูโบสถ์เซนต์ปอล
ซากประตูโบสถ์เซนต์ปอลคือด้านหน้าของโบสถ์มาแตร์เดอิที่ถูกก่อสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1602 – ค.ศ. 1640 ที่ถูกทำลายจากเหตุการณ์ไฟไหม้ในปี ค.ศ. 1835 และซากของวิทยาลัยเซนต์ปอลที่อยู่ถัดไปจากโบสถ์ ทั้งโบสถ์มาแตร์ เดอีเดิม วิทยาลัยเซนต์ปอล และป้อมปราการเป็นสิ่งปลูกสร้างของพระนิกายเยซูอิต และเข้าใจว่าเป็น “ป้อมปราการ” ของมาเก๊า ใกล้ๆ กันนั้นคือซากโบราณสถานของวิทยาลัยเซนต์ปอลที่เป็นหลักฐานของมหาวิทยาลัยแบบตะวันตกแห่งแรกในตะวันออกไกลที่มีหลักสูตรการสอนที่ละเอียด ทุกวันนี้ด้านหน้าของซากประตูโบสถ์เซนต์ปอลทำหน้าที่เป็นสัญลักษณ์ของแท่นบูชาให้กับเมืองนี้
- ค่ายทหารมูริช
ค่ายทหารนี้ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1874 เพื่อรับรองทหารจากเมืองกัวของประเทศอินเดียที่ถูกส่งเข้ามาเสริมกำลังตำรวจมาเก๊า ปัจจุบันคือกองบังคับบัญชาของคณะบริหารการเดินเรือ ค่ายทหารมูริชมีความโดดเด่นทางสถาปัตยกรรมแบบนีโอคลาสสิคที่ได้รับอิทธิพลจากโมกุลผสมผสานเข้าไปด้วย
ที่อยู่: Calçada da Barra
- จัตุรัสเซนาโด
จัตุรัสเซนาโดเป็นศูนย์รวมของชาวเมืองมาหลายศตวรรษ และยังคงเป็นสถานที่จัดงานเฉลิมฉลองที่ได้รับความนิยมมากที่สุดอยู่ทุกวันนี้ ตั้งอยู่ใกล้กับอาคารวุฒิสภาเก่า วัดซำไก (วันควนไท) ยังแสดงให้เห็นถึงความมีส่วนร่วมของชุมชนชาวจีนในท้องถิ่นในกิจการพลเรือนทั่วไปซึ่งเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของวัฒนธรรมที่หลากหลายของชุมชนมาเก๊า จัตุรัสถูกล้อมรอบด้วยอาคารนีโอคลาสสิคสีพาสเทลที่สะท้อนบรรยากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน
ที่อยู่: Senado Square- โบสถ์เซนต์โดมินิค
โบสถ์ที่มีความสัมพันธ์กับคณะสงฆ์พระแม่มารีแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1587 โดย 3 บาทหลวงนิกายโดมินิกันชาวสเปนที่มาจากอะคาปุลโกในเม็กซิโก และโบสถ์นี้เองที่ได้ตีพิมพ์หนังสือพิมพ์ A Abelha da China (“The China Bee”) ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ภาษาโปรตุเกสฉบับแรกบนแผ่นดินจีนในวันที่ 12 กันยายน ค.ศ. 1822 ส่วนหอระฆังด้านหลังอาคารได้มีรการปรับเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์ขนาดเล็กที่ในตอนนี้แสดงงานศิลปะประมาณ 300 ชิ้น
ที่อยู่: จัตุรัสเซนต์ดอมินิก- พิพิธภัณฑ์มาเก๊า
พิพิธภัณฑ์มาเก๊าเป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่มีวัตถุหลายชิ้นที่มีคุณค่ามากทางประวัติศาสตร์ที่แสดงถึงวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของชุมชนต่างๆ มีอยู่ในเมืองมาช้านาน
ชั้นแรกเป็นการนำเสนอเชิงเปรียบเทียบแบบสั้นๆ ระหว่างวิธีการพัฒนาของอารยธรรมตะวันตกและอารยธรรมจีนก่อนการเดินทางมาถึงของชาวโปรตุเกสในปากแม่น้ำเพิร์ลในศตวรรษที่ 16 นอกจากนั้นยังมีการแสดงประวัติของมาเก๊า กิจกรรมเชิงพาณิชย์ ศาสนาและวัฒนธรรมของทั้งสองอารยธรรม ขึ้นบันไดไปชั้นสองผู้เข้าชมจะมีโอกาสได้สัมผัสกับมุมมองต่างๆ ของศิลปะประชานิยมและประเพณีของมาเก๊า เช่น ชีวิตประจำวันของคนทั่วไป ความบันเทิง พิธีการทางศาสนาและเทศกาลตามประเพณี
ชั้นสามแสดงมาเก๊าร่วมสมัยซึ่งรวมถึงมุมมองที่เป็นเอกลักษณ์ของชีวิตในเมือง มีการเน้นวิธีการพรรณนามาเก๊าในวรรณคดีและศิลปะต่างๆ
พิพิธภัณฑ์มาเก๊าตั้งอยู่ในป้อมปราการที่ถูกสร้างโดยผู้ที่นับถือนิกายเจซูอิตเมื่อต้นศตวรรษที่ 17 ป้อมปราการเป็นกำแพงป้องกันเมืองเมืองหลักมาช้านานที่บุคคลทั่วไปไม่สามารถเข้าออกได้ ในปี ค.ศ. 1965 ป้อมปราการถูกเปลี่ยนให้เป็นสถานที่ให้บริการทางอุตุนิยมวิทยา และต่อมาได้เปิดให้บุคคลทั่วไปได้เข้าชม ป้อมปราการที่ถูกสร้างบนเนินเขาเมาท์สามารถมองเห็นทิวทัศน์โดยรอบของเมืองได้ ทางด้านตะวันตกคือซากประตูโบสถ์เซนต์ปอล เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม ค.ศ. 2005 ศูนย์ประวัติศาสตร์มาเก๊าถูกเข้าชื่อไว้ในบัญชีมรดกโลกทางวัฒนธรรมของยูเนสโก ป้อมปราการและซากประตูโบสถ์เซนต์ปอลเป็นอนุสาวรีย์ที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของศูนย์ดังกล่าว
พิพิธภัณฑ์มาเก๊าเปิดให้บริการเมื่อวันที่ 18 เมษายน ค.ศ. 1998 โดยมีชั้นใต้ดินสองชั้นและชั้นที่สามอยู่ด้านบนดาดฟ้าของป้อมปราการซึ่งเป็นที่ให้บริการทางอุตุนิยมวิทยา ลักษณะทางสถาปัตยกรรมและโครงร่างภายนอกของสถาปัตยกรรมยังคงได้รับการรักษาและอนุรักษ์ไว้
- พิพิธภัณฑ์ศาสนศิลป์และห้องใต้ดิน
พิพิธภัณฑ์นี้ถูกสร้างอยู่ด้านล่างของพื้นที่ชั้นในของซากประตูโบสถ์เซนต์ปอลซึ่งเป็นสถานที่ที่โบสถ์และวิทยาลัยพระมารดาของพระเจ้าที่งดงามเคยตั้งอยู่ พิพิธภัณฑ์ศาสนศิลป์และห้องใต้ดินทำให้รำลึกถึงประวัติศาสตร์ที่เข้มข้นของภารกิจในเขตนี้ซึ่งมีที่มาหลักมาจากวิทยาลัยเซนต์ปอล
ห้องใต้ดินถูกสร้างขึ้นในสถานที่เก่าของที่บูชาของโบสถ์เดิม (ที่ถูกไฟไหม้จนพังในปี ค.ศ. 1835) บนกำแพงด้านข้างผู้เข้าชมสามารถมองเห็นซากศพของผู้เสียสละชาวญี่ปุ่นและเวียดนาม รายชื่อของผู้เสียสละจะอยู่ภายนอกห้องใต้ดิน เนื่องจากจุดนี้เป็นจุดที่มีความศักดิ์สิทธิ์จึงมีการนำไม้กางเขนและแท่นบูชามาวางไว้บนหินหันหน้าเข้าหาแท่นบูชาที่ด้านบนเป็นหินอ่อนแผ่นเดียว
ในห้องถัดไปจากห้องใต้ดินคือพิพิธภัณฑ์ศาสนศิลป์ที่มีวัตถุที่มีประวัติเก่าแก่และมีมูลค่าทางศิลปะมากที่ย้อนกับไปในศตวรรษที่ 16 ถึง 19 ผู้เข้าชมจะเห็นไม้กางเขนแบบจีน-โปรตุเกสที่ทำจากงาช้าง ไม้ และเงิน รวมถึงภาชนะที่ใช้ในพิธิสวดจำนวนมากที่ทำด้วยเงิน (ถ้วยดื่มไวน์ เรือธูป แผ่นโลหะวางขนมปัง ฝาปิด และภาชนะใส่พระธาตุ)
รูปปั้นและภาพวาดทางศาสนาก็น่าสนใจมากเช่นกันซึ่งหลายชิ้นเป็นผลงานแบบอินเดีย-โปรตุเกส ผู้เข้าชมจะเห็นเซนต์ไมเคิล อาร์เชนเจล แห่งศตวรรษที่ 17 (วาดตามเทคนิคทางตะวันตก และหุ่นจำลองของสาวกชาวญี่ปุ่นของเจซูอิต จีโอวานนี นิโคลโล) ไม่ใช่เพียงเพราะความโบราณและความสง่าของรูปปั้นแต่เพราะนี่เป็นผลงานชิ้นเดียวจากวิทยาลัยเก่าที่เหลืออยู่จากเหตุการณ์ไฟไหม้)
ตรงกลางห้องมีกรอบรูปเงินที่พิเศษที่มีภาพ Our Lady of Remedies ที่โดดเด่นด้วยเส้นแบบนีโอคาสสิคแต่ยังคงได้รับแรงจูงใจจากโรโกโก
- วัดเจ้าแม่กวนอิม
วัดพุทธแห่งนี้เป็นวัดของเทพเจ้าแห่งความเมตตาถูกก่อตั้งขึ้นในศตวรรษที่ 13 โดยที่อาคารในปัจจุบันถูกก่อสร้างมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1627 วัดแห่งนี้เป็นวัดที่ใหญ่ที่สุดและร่ำรวยที่สุดแห่งหนึ่งในมาเก๊าซึ่งมีประตูทางเข้าขนาดใหญ่ หลังคาที่เต็มไปด้วยหุ่นกระเบื้อง ตรงกลางระหว่างลานกว้างคือห้องโถงที่มีพระพุทธรูปล้ำค่า พระพุทธรูปเพื่อความอายุยืน และเจ้าแม่กวนอิมที่สวมใส่ชุดผ้าไหมและบัลลังก์ที่มีชาย (เปลี่ยนทุกปี) โดยที่มีพระพุทธรูป 18 องค์ อยู่ทั้งสองฝั่งของโต๊ะบูชา ห้องถัดไปคือโรงสวดพิธีงานศพ และม้วนรูปภาพและภาพเขียนพู่กันเจ้าแม่กวนอิม
ด้านหลังวัดเป็นสวนระเบียง หนึ่งในนั้นมีโต๊ะหินที่มีการลงนามสนธิสัญญาจีนอเมริกันฉบับแรกเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม ค.ศ. 1844 โดยคียิง อุปราชแห่งกวางตุ้งและคาเล็บ คุชชิง รัฐมนตรีสหรัฐอเมริกา ใกล้ๆ คือรูปปั้นพระสงฆ์หินอ่อนในศาลาที่ประดับอย่างหรูหรา และต้นไทรโบราณที่มีกิ่งก้านที่พันกันไปมาซึ่งเรียกกันวันเป็นต้นไม้คู่รัก และเป็นสัญลักษณ์ของความสื่อสัตย์ในการแต่งงาน
ในส่วนอื่นๆ ของสวนคือน้ำพุที่มีรูปร่างเหมือนภูมิประเทศจำลองของจีน ก่อไผ่ และศาลเจ้าของพระที่มรณภาพไปแล้ว มีการฉลองเทศกาลเจ้าแม่กวนอิมในวันที่ 19 ของพระจันทร์ดวงที่สอง หก เก้า และสิบเอ็ด
ที่อยู่: Avenida do Coronel Mesquita
- วัดนาช่า
วัดที่อุทิศสำหรับการสักการะนาช่าถูกก่อสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1888 โบสถ์จีนโบราณเล็กๆ แห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้กับซากองค์กรเจซูอิตที่สำคัญประจำภูมิภาคที่แสดงถึงตรรกะแห่งอุดมคติของชาติตะวันตกและจีน เป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของวัฒนธรรมที่หลากหลายและอิสรภาพทางศาสนาของมาเก๊า
ที่อยู่: เลขที่ 6 Calçada de S. Paulo (ถัดไปจากซากประตูโบสถ์เซนต์ปอล)- ปราการเกีย (รวมถึงโบสถ์และประภาคารเกีย)
ป้อมปราการเกียถูกสร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 1622 และ 1638 ภายในเป็นที่ตั้งของหอสวดเกียที่เดิมที่ก่อตั้งโดยแม่ชีคลาริสต์ที่พำนักอยู่ที่นี่ก่อนจะไปก่อตั้งสำนักชีเซนต์แคลร์ โบสถ์แสดงถึงความกลมกลืนของวัฒนธรรมต่างๆ ของมาเก๊าด้วยเฟรสโก้ภายในหอสวดที่บอกเล่าเรื่องราวทั้งของจีนและตะวันตกด้วยลักษณะเด่นของศาสนาและแรงดลใจจากเทพนิยายปกรณัม ส่วนประภาคารเกียที่ถูกสร้างเมื่อ ค.ศ. 1865 ถือเป็นประภาคารสมัยใหม่แห่งแรกที่สร้างขึ้นบนชายฝั่งจีน ทั้งนี้ปราการเกีย หอสวด และประภาคารต่างเป็นสัญลักษณ์ทางการเดินเรือ การทหาร และการสอนศาสนาของมาเก๊าในอดีต
- ศูนย์ส่งเสริมศาสนาเจ้าแม่กวนอิม
รูปปั้นนี้ตั้งอยู่ที่ท่าเรือด้านนอกอุทิศให้กับเจ้าแม่กวนอิม (เทพเจ้าแห่งความเมตตา) สูง 20 เมตร ทำด้วยสัมฤทธ์พิเศษ ฐานรูปโดมเหมือนดอกบัวเป็นศูนย์ส่งเสริมศาสนาที่มีข้อมูลเกี่ยวกับพุทธศาสนา ลัทธิเต๋า และลัทธิขงจื้อ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ :
ชื่อ บริษัท ไอแอมทัวร์ เอ็กซ์เพิร์ธ
เซ็นเตอร์ อินเตอร์ กรุ๊ป จำกัด
ที่อยู่ 600/24 โครงการ บีสแควร์พระราม9-เหม่งจ๋าย ซ.สหการประมูล
แขวง/เขต วังทองหลาง กรุงเทพฯ 10310
โทร 02-530-7200 / 02-530-7202 / 02-530-7145 / 02-530-7148
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น