ปราสาทคินคาคุจิ (Kinkaku) หรือปราสาททอง ( GOLDEN PAVILLION )
ทัวร์ญี่ปุ่น ปราสาทคินคาคุจิ(Kinkaku)หรือปราสาททอง เดิมเป็นสถานตากอากาศของ โชกุนโยชิมิสึ (Yoshimitsu) แห่งตระกูลอาชิคางะ จากภาพยนตร์เรื่อง เณรน้อยเจ้าปัญญา – อิคคิวซัง ปราสาทนี้ สร้างขึ้นใหม่ในปีค.ศ . 1955 หลังจากที่ได้ ถูกไฟไหม้ ไปเมื่อปี ค.ศ . 1950 ซึ่งได้ถอดแบบจำลองโครงสร้างจากของจริงในยุคศตวรรษที่ 14 ตัวอาคารมี 3 ชั้น ตัวเรือนเป็นสีทองจาก ทองคำเปลว อีก จุดเด่นของปราสาทแห่งนี้ก็คือรูปหล่อ นกฟีนิกซ์ บนยอดปราสาท .. ทัวร์ญี่ปุ่นพาชมโดยรอบปราสาทมีลำธารน้ำใสสะอาดทำให้เกิดภาพสะท้อนผิวน้ำแสน สวยราวภาพวาด และภายในบริเวณปราสาทมี สวนญี่ปุ่น จัดแต่งไว้อย่างสวยงาม
ประวัติ
ทัวร์ญี่ปุ่น คินคาคูจิ (Kinkaku )หรือ วัดวิหารทอง มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า ‘วัดโระคุงอนจิ’ (Rokuon-ji Temple) ซึ่งมีความหมายว่า วัดสวนกวาง เป็นวัดที่วิจิตรงดงามอีกแห่งหนึ่งในเมืองเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น จนองค์การยูเนสโกประกาศให้เป็นมรดกโลก (World Cultural Heritage )ในปี 1994 วิหารหลังงามแห่งนี้ แต่เดิมเคยเป็นที่ดินของไซออนจิ คิซูเนะ(Kintsune Saionji) (ค.ศ.1171-1244) หลังจากนั้นก็ตกเป็นของท่านโชกุน โยชิมิตสึ อาชิคางะ(Shogun of Ashikaga) ในการ์ตูน เรื่องอิกคิวซังนั่นเอง ซึ่งขณะนั้นโชกุนโยชิมิตสึได้ใช้วัดแห่งนี้เป็นที่พักผ่อน และรับรองแขกสำคัญ เช่น จักรพรรดิโคมัตสึ พระบิดาของ อิกคิวซัง ต่อมาในปี 1419 บุตรชายของโชกุนอาชิคางะได้เปลี่ยนแปลงให้เป็นวัดนิกายเซน สายรินไซ
ทัวร์ญี่ปุ่น คินคาคูจิ (Kinkaku )หรือ วัดวิหารทอง มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า ‘วัดโระคุงอนจิ’ (Rokuon-ji Temple) ซึ่งมีความหมายว่า วัดสวนกวาง เป็นวัดที่วิจิตรงดงามอีกแห่งหนึ่งในเมืองเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น จนองค์การยูเนสโกประกาศให้เป็นมรดกโลก (World Cultural Heritage )ในปี 1994 วิหารหลังงามแห่งนี้ แต่เดิมเคยเป็นที่ดินของไซออนจิ คิซูเนะ(Kintsune Saionji) (ค.ศ.1171-1244) หลังจากนั้นก็ตกเป็นของท่านโชกุน โยชิมิตสึ อาชิคางะ(Shogun of Ashikaga) ในการ์ตูน เรื่องอิกคิวซังนั่นเอง ซึ่งขณะนั้นโชกุนโยชิมิตสึได้ใช้วัดแห่งนี้เป็นที่พักผ่อน และรับรองแขกสำคัญ เช่น จักรพรรดิโคมัตสึ พระบิดาของ อิกคิวซัง ต่อมาในปี 1419 บุตรชายของโชกุนอาชิคางะได้เปลี่ยนแปลงให้เป็นวัดนิกายเซน สายรินไซ
ทัวร์ญี่ปุ่น ภายในคินคาคูจินั้น แต่เดิมครั้งยังเป็นสถานที่ตากอากาศ ของโชกุน มีอาคารหลายแห่งปรากฏอยู่ อย่างเช่นรูปจำลองของประสาทชิชิน-เดน แต่เมื่อได้ เปลี่ยนเป็นวัดแล้ว จึงถูกรื้อถอนออกไป แต่ตอนนี้แม้จะไม่มีอาคารอื่นๆ ให้เห็น แต่สวนและต้นไม้รอบๆ คินคาคูจินั้น ก็ยังคงสภาพดั้งเดิมเช่นเมื่อร้อยกว่าปี บรรยากาศร่มรื่นต้อนรับผู้ไปเยือนตั้งแต่เริ่มเข้าสู่ตัววัด ด้านขวามือ เป็นเขตของพระและฮอนโด ซึ่งเป็นวิหารหลัก และมีต้นคาเมลเลียที่พระจักรพรรดิโก มิซูโนโอะ ทรงปลูกไว้ ประดับอยู่ด้านหน้าหอ หลังจากที่เดินไปตามทางตลอดแนวของ ต้นไม้ ก็จะเห็นประตูกลาง หรือชูมอง ซึ่งด้านขวาจะมีก้อนหินรูปเรือขนาดใหญ่ประดับอยู่ ส่วนด้านซ้ายจะเป็น ส่วนของหอระฆัง หรือที่เรียกว่า ‘โชโร’ เมื่อเดินไปจนสุดก็จะพบกับประตูจีน หรือคารามอน เมื่อเดินผ่านประตูจีนเข้าไป ก็จะเห็นภาพที่สวยงามที่สุด นั่นก็คือ สระกระจก ที่สะท้อนภาพศาลาทองอร่ามชัดเจน สระกระจก ถูกออกแบบให้เป็นสระน้ำบนสรวงสวรรค์ ภาย ในสระมีดอกบัว และยังมีเกาะเล็กๆและก้อนหินโผล่พ้นขึ้น มาเหนือน้ำ ซึ่งก็เปรียบเป็นมหาสมุทร 8 แห่ง และภูเขา 9 ลูก ในตำนานของเซน
ทัวร์ญี่ปุ่นพาท่านสัมผัสชมวิวทิวทัศน์ที่เป็นเสน่ห์จูงใจให้ผู้มาพบเห็นเกิดความสงบและศรัทธา โดยเฉพาะในหน้าหนาว จะเห็นใบไม้และต้นไม้เปลี่ยนเป็นสีแดงและสีส้ม ส่วนในฤดูหนาวทุกสิ่งทุกอย่างจะปกคลุมไปด้วยหิมะ เห็นเป็นสีขาวโพลน
ส่วนวิหารทองนั้นนับว่าเป็นจุดที่ดึงดูดใจผู้ที่มาพบเห็นเป็นที่สุด เป็นอาคาร 3 ชั้น ตั้งตระหง่านด้วยความสูง 12.8 เมตร กว้าง 10 เมตร และ ยาว 15.2 เมตร แต่ละชั้นมีรูปแบบสถาปัตยกรรมที่ต่างกันไป
สำหรับชั้นแรกของวิหาร เรียกว่า ‘โฮซุยอิน’ ตกแต่งสไตล์ชินเดน-ซูคูริ เป็นห้องโถงขนาดใหญ่และมีระเบียงไม้ล้อมรอบแบบพระราชวังสมัยนั้น พื้นที่ส่วนนี้ ใช้เป็นส่วนต้อนรับแขกสำคัญ
ชั้นที่ 2 ถูกออกแบบในสไตล์บ้านของซามูไร หรือเรียกว่า ‘โชฮอนโด’ ซึ่ง โชกุนจะใช้เป็นที่ประชุม หรือพบปะกับแขกผู้มีเกียรติ ผนังของห้องตกแต่งด้วย ภาพวาดของ คาโน่ มาซาโนบุ ในยุค 1434-1530
ส่วนชั้นที่ 3 เรียกว่า ‘คูเคียวโช’ เป็นรูปแบบวัดนิกายเซน มีพื้นที่เพียง 23 ตารางฟุต ซึ่งเป็นที่ที่ท่านโชกุนใช้พบ ปะกับเพื่อนสนิทเพื่อดื่มน้ำ ชา การตกแต่งของชั้นนี้ ได้รับอิทธิพลมาจากศิลปะของจีน มีขอบหน้าต่างเป็นรูป ระฆัง มีพระพุทธรูป 3 องค์ประทับอยู่
ชั้นที่ 2 และ 3 ใช้ขั้นตอนที่เรียกว่า อูรูชิ เป็นการทาเคลือบวัสดุตาม แบบของญี่ปุ่น เพื่อเป็นการรักษาและเชื่อมวัสดุเข้าด้วยกัน แล้วใช้แผ่นทองคำ น้ำหนักรวม 20 กก. ปิดทับรวม 5 ชั้น สร้างความโอ่อ่าอลังการเป็นอย่างมาก วิหาร ทองแห่งนี้ยังเป็นตัวแทนของการรวมวัฒนธรรมระหว่างญี่ปุ่นกับจีนได้เป็นอย่างดี เนื่องจากโชกุน โยชิมิตสุ ชื่นชอบ วัฒนธรรมและศิลปะของจีนเป็นพิเศษ
ส่วนวิหารทองนั้นนับว่าเป็นจุดที่ดึงดูดใจผู้ที่มาพบเห็นเป็นที่สุด เป็นอาคาร 3 ชั้น ตั้งตระหง่านด้วยความสูง 12.8 เมตร กว้าง 10 เมตร และ ยาว 15.2 เมตร แต่ละชั้นมีรูปแบบสถาปัตยกรรมที่ต่างกันไป
สำหรับชั้นแรกของวิหาร เรียกว่า ‘โฮซุยอิน’ ตกแต่งสไตล์ชินเดน-ซูคูริ เป็นห้องโถงขนาดใหญ่และมีระเบียงไม้ล้อมรอบแบบพระราชวังสมัยนั้น พื้นที่ส่วนนี้ ใช้เป็นส่วนต้อนรับแขกสำคัญ
ชั้นที่ 2 ถูกออกแบบในสไตล์บ้านของซามูไร หรือเรียกว่า ‘โชฮอนโด’ ซึ่ง โชกุนจะใช้เป็นที่ประชุม หรือพบปะกับแขกผู้มีเกียรติ ผนังของห้องตกแต่งด้วย ภาพวาดของ คาโน่ มาซาโนบุ ในยุค 1434-1530
ส่วนชั้นที่ 3 เรียกว่า ‘คูเคียวโช’ เป็นรูปแบบวัดนิกายเซน มีพื้นที่เพียง 23 ตารางฟุต ซึ่งเป็นที่ที่ท่านโชกุนใช้พบ ปะกับเพื่อนสนิทเพื่อดื่มน้ำ ชา การตกแต่งของชั้นนี้ ได้รับอิทธิพลมาจากศิลปะของจีน มีขอบหน้าต่างเป็นรูป ระฆัง มีพระพุทธรูป 3 องค์ประทับอยู่
ชั้นที่ 2 และ 3 ใช้ขั้นตอนที่เรียกว่า อูรูชิ เป็นการทาเคลือบวัสดุตาม แบบของญี่ปุ่น เพื่อเป็นการรักษาและเชื่อมวัสดุเข้าด้วยกัน แล้วใช้แผ่นทองคำ น้ำหนักรวม 20 กก. ปิดทับรวม 5 ชั้น สร้างความโอ่อ่าอลังการเป็นอย่างมาก วิหาร ทองแห่งนี้ยังเป็นตัวแทนของการรวมวัฒนธรรมระหว่างญี่ปุ่นกับจีนได้เป็นอย่างดี เนื่องจากโชกุน โยชิมิตสุ ชื่นชอบ วัฒนธรรมและศิลปะของจีนเป็นพิเศษ
แม้ความงามของวิหารทองแห่งนี้ จะถูกสร้างขึ้นด้วยแรง ศรัทธา แต่ก็ถูกเผาทำลายหลายครั้งในระหว่างสงครามโอนิง และครั้งหนึ่งวิหารถูกเผาจากฝีมือของพระในวัดวัย 21 ปี และเมื่อถูกจับได้ ก็ยอมสารภาพว่า ตัวเองอยากตายในกอง เพลิงพร้อมกับวิหารสีทองแสนสวยแห่งนี้ และวิหารที่เห็นใน ปัจจุบันถูกสร้างขึ้นใหม่ ตามรูปแบบเดิมเมื่อปี พ.ศ.2498
นอกจากวิหารทองและสระกระจกแล้ว ใกล้ๆกันยังมีน้ำตกและจุดกำเนิดน้ำแร่ธรรมชาติ ที่โซกุนนำไปชงชา มีเรือนน้ำชา สวนญี่ปุ่น รวมถึงศาลเจ้าบริเวณทางเดินออกด้วย
หนังสือญี่ปุ่นกล่าวว่า ปี 1950 วัดคินคะคุจิถูกเผา ระหว่างสงครามโอนิน เผาโดยพระฝึกหัดที่อยู่ในวัดชื่อฮายาชิ โยเคน (Hayashi Yoken) ในวันที่ 2 กรกฎาคม ปีนั้น ต่อมาในปี 1955 วัดคินคะคุจิ ได้ค่อยๆถูกบูรณะขึ้น ทีละส่วน รวมไปถึงรูปปั้นโชกุนอาชิคางะ โยชิมิซึ และการตกแต่งภายใน บูรณะแล้วเสร็จทั้งวัดในปี ค.ศ. 2003
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ :
ชื่อ บริษัท ไอแอมทัวร์ เอ็กซ์เพิร์ธ เซ็นเตอร์ อินเตอร์ กรุ๊ป จำกัด
ที่อยู่ 600/24 โครงการ บีสแควร์พระราม9-เหม่งจ๋าย ซ.สหการประมูล
แขวง/เขต วังทองหลาง กรุงเทพฯ 10310
โทร 02-530-7200 / 02-530-7202 / 02-530-7145 / 02-530-7148
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น